วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
Car GURUDriving Skill

Infographic ทำความเข้าใจ “ระบบขับเคลื่อน 4×4 และ 4×2” ในรถกระบะและรถเอสยูวี เพื่อการใช้งานอย่างเหมาะสมในแต่ละเส้นทาง

รถกระบะและรถอเนกประสงค์เอสยูวีได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย รถทั้งสองประเภทดึงดูดลูกค้าใหม่ที่ก่อนหน้านี้เคยใช้รถยนต์อย่างรถซีดานมาก่อน ลูกค้าที่เริ่มสนใจในรถประเภทนี้มักตัดสินใจซื้อด้วยการพิจารณาจากการวางตำแหน่งที่นั่งที่สูงขึ้น การออกแบบที่บึกบึน พื้นที่บรรทุกสัมภาระที่กว้างขวางกว่าและศักยภาพการขับขี่บนเส้นทางแบบออฟโรด

2015 Chev แนะการใช้ระบบขับ 4 (3)

รถกระบะอย่างเชฟโรเลต โคโลราโด และรถอเนกประสงค์เอสยูวีหรือพีพีวีอย่างเทรลเบลเซอร์มีทั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและขับเคลื่อนสองล้อ ขณะที่รถอเนกประสงค์เอสยูวีบนพื้นฐานของรถยนต์อย่าง เชฟโรเลต แคปติวามีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา (AWD) ผู้ที่กำลังมองหารถกระบะหรือรถเอสยูวีคันแรก ควรทำความรู้จักความแตกต่างของระบบขับเคลื่อนเหล่านี้เพื่อการตัดสินใจเลือกรถที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ การยึดเกาะถนนสูงสุดและศักยภาพการขับขี่บนทางออฟโรด รถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ คือรถที่สามารถถ่ายกำลังสู่ล้อทั้งสี่ได้ โดยใช้ชุดทรานส์เฟอร์ถ่ายทอดกำลังขับแบบสองสปีดโดยมีการใช้อัตราทดความเร็วสูง(4 x 2 และ 4 x 4 Hi) และอัตราทดความเร็วต่ำ (4 x 4 Lo) โคโลราโดและเทรลเบลเซอร์รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์ที่งานด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลังจนกว่าจะมีความจำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ อาทิบนเส้นทางออฟโรดหรือบนพื้นถนนที่เปียกลื่น

สำหรับรถขับเคลื่อนสี่ล้อแบบฟูลไทม์นั้นจะใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดการขับขี่ ชุดทรานส์เฟอร์ถ่ายทอดกำลังที่ติดตั้งตรงกลางระบบเกียร์จะควบคุมว่าแรงบิดควรถูกกระจายระหว่างล้อหน้าและล้อหลังเท่าใด โดยทั่วไปแรงบิดจะถูกส่งไปที่ล้อหลังและจะเปลี่ยนเป็นหน้า/หลังแบบ 50/50 บนทางออฟโรดและบนสภาพถนนที่เปียกลื่นซึ่งต้องการเสถียรภาพสูงสุด ผู้ขับขี่ที่ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อฟูลไทม์จะต้องเปลี่ยนมาใช้อัตราทดความเร็วต่ำ (4×4 Lo) ด้วยตนเอง

ระบบขับเคลื่อนสองล้อ

รถขับเคลื่อนสองล้อจะถ่ายกำลังลงสู่แค่สองล้อ โดยทั่วไปจะเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และถือเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการศักยภาพสูงสุดเหมือนกับรถขับเคลื่อนสี่ล้อและไม่ต้องขับขบนเส้นทางออฟโรดหรือทางที่สมบุกสมบัน

ระบบขับเคลื่อนล้อหลังสามารถรองรับพละกำลังเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นและน้ำหนักรถที่มากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่ารถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า อาทิ รถยนต์ทั่วไป ทำให้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังนิยมใช้ในในรถกระบะ รถที่มีขนาดใหญ่และรถที่มีสมรรถนะสูงมาก ตลอดจนรถแข่งและรถที่ออกแบบมาสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจสำหรับการไล่ล่าคนร้าย เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงขณะเข้าโค้ง รถขับเคลื่อนล้อหลังอาจมีอาการล้อหลังลื่นไถล (โอเวอร์สเตียร์) หรือตัวรถเลี้ยวเกินกว่าการควบคุมของผู้ขับขี่ หากสถานการณ์ร้ายแรง ตัวรถอาจหมุนหรือลื่นไถลได้ โอเวอร์สเตียร์เป็นอาการที่ควบคุมได้ยากกว่าอันเดอร์สเตียร์ จึงเป็นการเคลื่อนที่ที่อันตรายมากกว่า

ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา

ตลอดเวลาใช้ระบบเกียร์ซิงเกิลสปีดส่งกำลังไปที่ล้อทั้งสี่ตลอดเวลา ซึ่งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาเหมาะสำหรับคนที่มองหารถที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมบนถนนทั่วไปและมีประสิทธิภาพการยึดเกาะบนพื้นหญ้า โคลน ทราย หรือกรวด ตลอดจนเส้นทางออฟโรดแบบไม่สมบุกสมบันมากนัก ซึ่งรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือล้อหลังอาจไม่สามารถขับผ่านได้ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลามีแนวโน้มจะเกิดอาการอันเดอร์สเตียร์เหมือนระบบขับเคลื่อนล้อหน้าถ้าขับขี่ด้วยความเร็วสูงเกินไป รถขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลามีการถ่ายเทแรงบิดไปสู่ล้อคู่หน้าขณะขับขี่บนเส้นทางปกติ จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ขณะเดียวกัน การยึดเกาะถนนจะเพิ่มมากขึ้นเช่นกันด้วยการถ่ายเทแรงบิดโดยอัตโนมัติบนสภาพถนนที่มีความแตกต่างกัน ระบบนี้ทำงานร่วมกับระบบแอคทีฟ ทอร์ค ออน ดีมานด์ ซึ่งมีศักยภาพในการเพิ่มการถ่ายเทแรงบิดไปสู่ล้อแบบอิสระเพื่อยกระดับเสถียรภาพการขับขี่สูงสุด

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาจะทำงานเหมือนระบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือขับเคลื่อนล้อหลัง โดยส่วนใหญ่จะเป็นขับเคลื่อนล้อหน้าเหมือนในแคปติวา ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาจะส่งพละกำลังไปสู่ล้อหน้าและล้อหลังขณะออกตัวเพื่อป้องกันล้อลื่นไถล และจะถ่ายเทกลับสู่ล้อหน้าหากไม่มีการลื่นไถล พละกำลังจะถูกถ่ายเทโดยอัตโนมัติผ่านชุดทรานส์เฟอร์แบบซิงเกิลสปีด (ชุดทรานเฟอร์เชื่อมต่อกับระบบเกียร์เพื่อแยกกำลังระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง)