วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
ข่าว

นิชคาร์กรุ๊ป ส่ง แมคลาเรนประตูปีกนก “สปอร์ตซีรีส์ 570S Coupé” เครื่องยนต์ V8 ยั่วน้ำลายบรรดาเศรษฐีในไทยด้วยราคา 21.8 ล้านบาท

นิชคาร์กรุ๊ป ผู้นำเข้ารถยนต์ระดับซุปเปอร์คาร์และสปอร์ตคาร์ในประเทศไทย และตัวแทนจำหน่ายแมคลาเรนอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย เผยโฉม แมคลาเรน 570S Coupé รุ่นแรกในสปอร์ตซีรีส์ นวัตกรรมยานยนต์จากอังกฤษ เป็นครั้งแรก ในประเทศไทย ณ โชว์รูมแมคลาเรน กรุงเทพฯ มอเตอร์เวย์ หลังจากเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกที่ นิวยอร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต้ โชว์ เมื่อเมษายน ปี 2558 ที่ผ่านมา ราคา 21,800,000 บาท ส่งมอบไตรมาสแรกของปี 59

McLaren 570S Coupe Launch (6)

นิชคาร์ชูไฮไลท์ 5 ลักษณะเด่น ตอบสนองความต้องการของหนุ่มสาวสมัยใหม่ อาทิ พละกำลังสูงสุดและน้ำหนักเบาที่สุดของสปอร์ตคาร์ทั้งหมด ด้วยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ เบากว่าคู่แข่งเกือบ 140 กก., สามารถขับได้ทุกวัน, การออกแบบด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม, การตกแต่งที่ประณีตจากช่างฝีมือผู้ชำนาญการ, และยังให้ผู้ขับมีความรู้สึกร่วมและเร้าใจสูงสุด อัตราส่วนกำลังเครื่องต่อน้ำหนักอยู่ที่ 434 แรงม้าต่อตัน

เปิดรับจองแล้วตั้งแต่วันนี้ ที่นิชคาร์กรุ๊ป โทร 02-321-1111 โดย 570S Coupé รุ่นแรกในสปอร์ตซีรีส์ เริ่มต้นที่ 21,800,000 บาท พร้อมส่งมอบไตรมาสแรก ปี 2559 นอกจากนี้ นิชคาร์ยังเปิดให้จอง 540C Coupé อีกหนึ่งรุ่นในสปอร์ตซีรีส์ที่ปรับแต่งจาก 570S Coupé แต่ราคาย่อมเยาว์กว่า ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการผลิต โดยราคาจะเริ่มต้นที่ 19,800,000 บาท พร้อมส่งมอบในไตรมาสที่สาม ปี 2559

McLaren 570S Coupe Launch (16)

คุณวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ นิชคาร์กรุ๊ป กล่าวว่า นิชคาร์กรุ๊ปเชื่อว่า ทุกคนทราบถึงชื่อเสียง แมคลาเรน ในฐานะรถแข่งฟอร์มูล่าวันระดับโลก ดังนั้น จึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่เรามีโอกาสได้รับชม 570S Coupé รุ่นแรกของแมคลาเรนสปอร์ตซีรีส์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเรามั่นใจได้อย่างแน่นอนในความฉลาดหลักแหลมของเครื่องยนต์ โดยถือเป็นรุ่นที่มีนวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุด นอกจากนี้ แมคลาเรน 570S Coupé ยังมีการออกแบบที่ทันสมัย และสามารถขับได้ในทุกโอกาส พร้อมด้วยออพชั่นให้เลือกเยอะที่สุดกว่ารุ่นอื่นๆ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับหนุ่มสาวสมัยใหม่ผู้ชื่นชอบรถสปอร์ต

รุ่นสปอร์ตซีรีส์สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากที่สุด แต่ยังคงใช้การออกแบบและเทคโนโลยีหลักของแมคลาเรน เพื่อให้คงมาตรฐานของแบรนด์รถแข่งแมคลาเรนสูงสุด โครงรถใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาแบบ MonoCell II ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเมื่อไม่เติมเชื้อเพลิงเพียง 1,313 กก. (2,895 ปอนด์) พร้อมเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 3.8 ลิตร ซึ่งใช้ส่วนประกอบใหม่กว่า 30% การตกแต่งภายในยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานในแต่ละวัน และมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

สปอร์ตซีรีส์คือกรณีศึกษาที่สำคัญของงานฝีมือยุคใหม่ รถแต่ละคันได้รับการบรรจงตกแต่งด้วยช่างฝีมือ ในศูนย์ผลิตแมคลาเรนที่มีความทันสมัย ตั้งอยู่ในเมืองโว้คกิ้ง ประเทศอังกฤษ พร้อมด้วยอุปกรณ์ตกแต่งเสริมใหม่ๆ จากดีไซเนอร์ของแมคลาเรน ตอบรับความต้องการที่แตกต่างของผู้ขับแต่ละท่านได้อย่างดีเยี่ยม

McLaren 570S Coupe Launch (10)

นายไมค์ เฟลวิตต์ ประธานกรรมการ แมคลาเรน ออโต้โมทีฟ กล่าวว่า “สปอร์ตซีรีส์รุ่นใหม่นี้สร้างขึ้นเพื่อขยายฐานลูกค้าของแมคลาเรน โดยถือเป็นครั้งแรกที่เราลงแข่งในตลาดรถสปอร์ต อย่างไรก็ตาม ปณิธานของเรามุ่งมั่นให้ทุกโมเดลของแมคลาเรนสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ผู้ขับเป็นหลัก รถทุกคันจึงได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษถึงศักยภาพในการขับ การออกแบบสรีรศาสตร์ที่สุดยอด ตลอดจนรูปลักษณ์ ที่จะสามารถสร้างความสนุกสนานและเร้าใจให้กับผู้ขับอย่างสูงสุด แมคลาเรน 570S Coupé คือรุ่นที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากที่สุดที่แมคลาเรนเคยผลิตมา เป็นรถสปอร์ตคาร์ที่มีความสวยงามอย่างแท้จริง”

นายคริส กู้ดวิน หัวหน้าแผนกเทสต์ไดรฟ์ของแมคลาเรน กล่าวว่า “เราต้องการให้สปอร์ตซีรีส์ ให้ความรู้สึกของสปอร์ตคาร์อย่างแท้จริง รถจะต้องมีความฉลาด ว่องไว ต้องมีความเบา และสำคัญอย่างยิ่ง ต้องตอบสนองต่อความต้องการของผู้ขับได้อย่างทันที ไม่ว่าจะขับที่ความเร็วเท่าไหร่ รถก็จะต้องประสานกับผู้ขับได้อย่างราบรื่น เพื่อความเร้าใจในการขับสูงสุด”

McLaren 570S Coupe Launch (12)

การตกแต่งภายในห้องโดยสารเน้นในเรื่องของพื้นที่และหลักสรีรศาสตร์ เพื่อความสะดวกสบายของผู้ขับและสัมภาระ โดยรวม สปอร์ตซีรีส์ยาวกว่ารุ่นซุปเปอร์ซีรีส์ 11 มิลลิเมตร ห้องโดยสารกว้างและยาวขึ้น โครงคาร์บอนไฟเบอร์และประตูปีกนกได้รับการปรับปรุง จึงสามารถเข้าออกห้องโดยสารได้ง่ายยิ่งขึ้น เสา A เลื่อนออกข้างมากขึ้นเพิ่มพื้นที่ และการมองเห็นด้านหน้า ในขณะที่เสา B แคบลงเพื่อวิสัยทัศน์การขับที่ดีขึ้น

สปอร์ตซีรีส์ติดตั้งหน้าจอ TFT LCD สำหรับแสดงการทำงานของรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ โทรศัพท์ การนำทาง และระบบเสียง โดยยังสามารถควบคุมผ่านพวงมาลัยได้

แผงหน้าจอแอลซีดี แสดงข้อมูล แบ่งเป็นสามโซน โดยตรงกลาง หน้าจอขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลสถิติ อาทิ ความเร็วรถ ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ และการเลือกเกียร์ ในขณะที่ หน้าจอด้านข้าง อีกสองหน้าจอ ขนาด 3 นิ้ว ให้ข้อมูล คำแนะนำการนำทาง เข็มทิศ ข้อมูลการแข่ง และสถิติอื่นๆ สปอร์ตซีรีส์ยังใช้ การนำทางแบบ turn-by-turn เป็นครั้งแรก

McLaren 570S Coupe Launch (11)

สัมผัสของความหรูหราเพิ่มยิ่งขึ้นด้วยการใช้ floating centre console เพิ่อสร้างความลึกให้แก่ห้องโดยสาร รูปร่างและเส้นสายไร้รอยต่อจากภายนอกถึงภายใน พร้อมด้วยระบบ IRIS หน้าจอสัมผัส

แมคลาเรน 570S ใส่ใจในเรื่องการใช้งานประจำวัน จึงมีการสร้างที่เก็บสัมภาระตรงประตูแต่ละข้าง พร้อมช่องใส่ของตรงที่พักแขนและกระปุกเกียร์

ระบบ IRIS แบบหน้าจอสัมผัส เช่นเดียวกับที่เห็นใน McLaren P1™ ควบคุมระบบแอร์ ระบบวิทยุ DAB ระบบนำทาง บลูทูธ ระบบเชื่อมต่อสื่ออื่นๆ การสั่งงานด้วยเสียง ระบบเสียงเพลง และยังรวมถึงคู่มือการใช้งานอิเล็กทรอนิก เช่นเดียวกับทุกรุ่นของแมคลาเรน หน้าจอสัมผัสเป็นแบบแนวตั้ง

McLaren 570S Coupe Launch (26)

รายละเอียดของแมคลาเรน 570S Coupé
แมคลาเรน สปอร์ตซีรีส์ คือ รุ่นที่สามและรุ่นสุดท้ายในครอบครัวแมคลาเรนออโต้โมทีฟ โดยจะเปิดตัวสองโมเดลแรก 570S Coupé คือโมเดลแรกและมีพละกำลังมากที่สุด และ 540C Coupé จะมีราคาที่ย่อมเยาว์กว่า เปิดตัวในไตรมาสที่สอง ปี พ.ศ. 2559

อีกสองซีรีย์ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า คือ อัลติเมทซีรีย์ (แมคลาเรน P1™ และ แมคลาเรน P1™ GTR) และซุปเปอร์ซีรีส์ ซึ่งเป็นหัวใจของแมคลาเรน (650S เปิดตัวแล้วทั้งแบบ Coupé และ Spider และรุ่นแมคลาเรน 675LT)

สปอร์ตซีรีส์จะสร้างความประจักษ์ในดีเอ็นเอของแมคลาเรนให้แก่ตลาดรถสปอร์ต แต่ละโมเดลได้รับการออกแบบ และตกแต่งเครื่องยนต์โดยทีมผู้มีความเชี่ยวชาญ ณ ศูนย์เทคโนโลยีของแมคลาเรน พร้อมด้วยทีมปฏิบัติการฟอร์มูล่าวัน นอกจากนี้ ทุกคันยังสร้างขึ้นด้วยมือของช่างฝีมือผู้ชำนาญการ ในศูนย์ผลิตที่ทันสมัย

แมคลาเรนทุกคัน ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อขับบนถนนและเพื่อแข่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 สปอร์ตซีรีส์ยังคงใช้โครงคาร์บอนไฟเบอร์ และใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ที่ให้สมรรถนะและประสิทธิภาพสูงสุด

การออกแบบ และอากาศพลศาสตร์
แผงดักลมในกันชนหน้า แยกการถ่ายเทของอากาศสู่ 4 ทิศทาง ผ่านทั้งใต้รถและตลอดตัวถัง ตัวยึดประตู และครีบยันลอยประสานกันได้เป็นอย่างดี กับปีกหลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์

ดีไซน์แบบ “Shrinkwrapped” เพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศตลอดตัวถัง
ปีกประตูปรับแต่งประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศบริสุทธิ์
ครีบยันที่หรูหราเพิ่มแรงกดที่กระทำต่อตัวรถ และความเย็นของรถ

สปอร์ตซีรีส์ของแมคลาเรน กำหนดมาตรฐานการออกแบบใหม่ ให้แก่สปอร์ตคาร์ทั้งหมด เป็นครั้งแรกของโลก ด้วยการตกแต่งตัวถังแบบ shrinkwrapped สร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นแมคลาเรนอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยครีบยันลอย ประตูปีกนก และหน้าต่างหลังแบบเว้า ที่สง่างาม สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสปอร์ตคาร์ทั้งหมด

การออกแบบครั้งสุดท้ายของ 570S Coupé ใกล้เคียงกับแบบร่างขั้นต้น ที่นำเสนอโดยหัวหน้างานออกแบบ ร็อป เมลวิลล์ และทีม คงความเนี้ยบในเส้นสาย และรูปลักษณ์ภายนอกที่ชัดเจน ที่เอื้อในการถ่ายเทของอากาศตลอดตัวถัง

McLaren 570S Coupe Launch (9)

สปอร์ตซีรีส์ ประกอบด้วยนวัตกรรมเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ M838TE ด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นพิเศษกว่า 30% ให้พละกำลัง 570 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตร จะอยู่ที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที

ระบบการขับขี่ล้อหลังเครื่องยนต์ขนาดกลางเอื้อให้การบังคับและความคล่องตัวดีขึ้น ให้พละกำลังมหาศาลผ่านเกียร์แบบ 7 speed (SSG) ระบบ Stop-start นำมาใช้ในแมคลาเรนเป็นครั้งแรก เอื้อการขับขี่ในเมือง และยังมีการปรับปรุงอัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 25.5 mpg และการปล่อยมลพิษ 258 กรัมต่อกิโลเมตร

การพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพระบบส่งกำลังรถยนต์ รวมถึง ระบบบังคับระยะเพลาลูกเบี้ยว 60 ดีกรี ใหม่ ซึ่งลดแรงเฉื่อยของเครื่องยนต์ภายใน ให้การควบคุมที่ดีขึ้น ส่งผลดีกับทั้ง การปล่อย CO2 และการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระบบสุญญากาศถูกลบออกจากเครื่องยนต์ ทำให้น้ำหนักลดลงไป 2.5 กิโลกรัม

เทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกับซุปเปอร์ซีรีส์ คือ เครื่องยนต์จากฟอร์มูล่าวัน M838TE ประกอบด้วย ระบบหล่อลื่นอ่างน้ำมันเครื่องแบบแห้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในขณะเข้าโค้ง โดยปราศจากน้ำมันไหล พร้อมด้วยเพลาข้อเหวี่ยง flat-plane crankshaft เพื่อให้มีศูนย์กลางโน้มถ่วงที่ดีขึ้น รวมถึงการบังคับรถและความคล่องแคล่วของการขับ

สปอร์ตซีรีส์ ติดตั้งด้วยท่อร่วมไอเสียที่มีความยาวเท่ากัน ทำจากเหล็กที่ไม่เป็นสนิม ช่วยให้การปล่อยควันเสียได้ดีขึ้น และปรับความดันด้านล่าง ให้เกิดการไหลแบบสม่ำเสมอ

0-100 กม/ชม (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ภายใน 3.2 วินาที และ 0-200 กม/ชม (124 ไมลฺต่อชั่วโมง) ภายใน 9.5 วินาที
ซอฟต์แวร์ Performance Traction Control ของแมคลาเรน มอบการควบคุมที่แม่นยำมากขึ้น ใน สถานการณ์ที่รุนแรง
ระบบกันสะเทือนที่พัฒนาขึ้นใหม่ใช้ adaptive damper และ anti-roll bars เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการขับบนถนน และในการแข่งขัน

สปอร์ตซีรีส์ ให้ประสิทธิภาพการขับที่ยอดเยี่ยมและเร้าใจในการขับ เหนือคู่แข่งในสายพันธุ์สปอร์ต ด้วยคุณสมบัติที่สัมผัสได้เพียงในซุปเปอร์คาร์รุ่นท้อป อาทิ ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา, ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ประสิทธิภาพโดยรวมสำหรับ 570S Coupé คือระดับผู้นำในรุ่น ด้วยความเร็วสูงสุด 328 กิโลเมตร/ชั่วโมง (204 ไมล์ต่อชั่วโมง)

McLaren 570S Coupe Launch (8)

สปอร์ตซีรีส์ ใช้ระบบส่งกำลัง 7 speed แบบคลัทช์คู่ เหมือนกับ 650S และผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับได้ แบบ ‘ปกติ’, ‘สปอร์ต’ และ ‘แข่ง’

เทคโนโลยี “Cylinder Cut” ใช้ในการเปลี่ยนเกียร์ ที่ได้เปิดตัวในรุ่น 650S ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น สำหรับทั้งการปรับเกียร์ ขึ้น-ลง และยังมีการควบคุมจานจ่ายเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์เร็วขึ้นกว่า 10 เท่า

การควบคุมสามแบบ Powershift, GT3 Shift และ ‘Inertia Push’ ยังได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อสร้างความเร้าใจในการขับขี่ทุกสถานะการณ์

ระบบควบคุมกระปุกเกียร์ยังได้รับการแยกออกจากการควบคุมเครื่องยนต์ เป็นครั้งแรก ซึ่งช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วขึ้น

McLaren 570S Coupe Launch (7)

สปอร์ตซีส์เปิดตัวด้วยหลากสีให้ผู้ขับเลือก สร้างสรรค์ร่วมกันกับช่างเทคนิค AkzoNobel นำเสนอถึง 17 สี โดยสีที่คิดค้นใหม่ คือ Ventura Orange, Vermillion Red, Bourbon และ Blade Silve

Standard Special Elite
Blue Blade Silver Vermillion Red
White Mantis Green Ventura Orange
Silver McLaren Orange Bourbon
Storm Grey Volcano Orange
Silica White  Pearl White
  Onyx Black Volcano Yellow
Ice Silver
  Fire Black

เปิดรับจองแล้วตั้งแต่วันนี้ ที่นิชคาร์กรุ๊ป โทร 02-321-1111 โดย 570S Coupé รุ่นแรกในสปอร์ตซีรีส์ เริ่มต้นที่ 21,800,000 บาท พร้อมส่งมอบไตรมาสแรก ปี 2559

นอกจากนี้ นิชคาร์ยังเปิดให้จอง 540C Coupé อีกหนึ่งรุ่นในสปอร์ตซีรีส์ที่ปรับแต่งจาก 570S Coupé แต่ราคาย่อมเยาว์กว่า ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการผลิต โดยราคาจะเริ่มต้นที่ 19,800,000 บาท พร้อมส่งมอบในไตรมาสที่สาม ปี 2559  

ใส่ความเห็น