วันพุธ, เมษายน 24, 2024
World Movement

Mercedes-Benz S-Class Facelift เปิดตัวแล้วที่งาน Auto Shanghai 2017

Mercedes-Benz S-Class รุ่นใหม่นี้ ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับคุณภาพของการตกแต่งภายในรถยนต์ระดับหรู และในขณะเดียวกันก็ยังทำให้การขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ เข้าใกล้ความเป็นจริงมาอีกหนึ่งก้าวอีกด้วย

S-Class ใหม่นี้มาพร้อมกับกระจังหน้าแบบใหม่ โดยในรุ่น เครื่องยนต์ 6 และ 8 สูบ จะเป็นแบบสีดำเงา  ในขณะที่รุ่นฐานล้อยาว เครื่องยนต์ V12 จะตกแต่งเพิ่มเติมด้วยโครเมียมอีกด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาคือจะมีโลโก้ Maybach ติดอยู่ตรงช่องระหว่างกระจังหน้าอีกด้วย

นอกจากไฟหน้า Multibeam LED ที่มีให้เลือกเป็นออปชันเสริมแล้ว S-Class ใหม่นี้มาพร้อมกับไฟเลี้ยว Fiber-optic แบบ 3 ชั้น (หรือที่ทาง Mercedes เรียกว่า Three Distinctive Torches of Light) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของการออกแบบที่พิเศษสำหรับ S-Class โดยเฉพาะ  ส่วนด้านท้ายก็มีไฟ LED แบบใหม่ดั่งอัญมณีอันล้ำค่า บวกกับไฟท้าย fiber optics ข้างละ 3 เส้นอีกด้วย

ในส่วนของดีไซน์ภายนอกนั้น S-Class ยังได้รับกันชนหน้าแบบใหม่ ที่ทำหน้าที่เป็นช่องดักลม และมีความสปอร์ตเพิ่มขึ้นอีกด้วย ส่วนด้านท้าย ชายล่างกันชนหลังก็ได้รับการออกแบบใหม่ซึ่งมีปลายท่อไอเสียฝังอยู่ด้วย และครอบด้วยโครเมียมอีกชั้นหนึ่ง

ภายในถูกออกแแบบใหม่ ซึ่งโดดเด่นด้วยหน้าจอความละเอียดสูง 2 จอ ซึ่งแต่ละจอมีขนาด 12.3 นิ้ว  ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยแบบใหม่ซึ่งเป็นระบบสัมผัสอีกด้วย (touch-sensitive controls) ปุ่มพวกนี้ตอบสนองโดยการปัดเหมือนเราใช้นิ้วเลื่อนหรือปัดหน้าจอ smartphone ของเรา ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบ infotainment ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเอามือออกจากพวงมาลัย แลัวยังเป็นครั้งแรกของ S-Class ที่ผู้ขับและเจ้าของรถสามารถควบคุมระบบ DISTRONIC Adaptive Cruise Control ได้โดยตรงที่พวงมาลัย

ภายในของ S-Class ถูกตกแต่งด้วยลายไม้แบบ open-pore สลับกับหนัง ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับออปชันการตกแต่งที่ลูกค้าเลือกด้วย วัสดุและสีภายในถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน โดยมีสีน้ำตาลให้เลือกหลากหลายเฉดสี และมีสึใหม่ออกมาให้เลือกด้วย เช่น magma gray/espresso brown หรือ mahogany brown/silk beige เป็นต้น

ใน S-Class ทุกเกรดจะมาพร้อมกับระบบ Keyless Start เป็นอุกรณ์มาตรฐาน ซึ่ง Mercedes ได้นำเสนอกุญแจเจนเนอเรชันใหม่ ที่มีสีดำเงา หรือขาวเงา และยังมีกรอบที่แตกต่างกันออกไปด้วย

ฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างหนึ่งก็คือ ENERGIZING Comfort Control ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกกับการป้อนชุดคำสั่งแบบนี้  โดยระบบนี้มีหน้าที่เชื่อมต่อสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้การทำงานร่วมกันของระบบปรับอากาศ, เบาะนั่ง, wall heating, แสงไฟ, และบรรยากาศของดนตรี อย่างเป็นระบบ เพื่อที่จะปรับแต่งให้เหมาะสมกับสุขภาพ, อารมณ์, และความต้องการของผู้โดยสาร

ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้จาก 6 โปรแกรมดังนี้: Freshness, Warmth, Vitality, Joy, Comfort and Training (Muscle Relaxation, Muscle Activation and Balance)  ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้จะใช้เวลา 10 นาที โดยสามารถดูขั้นตอนการทำงานได้จากหน้าจอด้านหน้าและยังมีเสียงเพลงเปิดเคล้าคลออีกด้วย

ขุมพลังใน Mercedes-Benz S 560 4MATIC มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 แบบใหม่ พ่วงด้วยเทอร์โบคู่ 469 แรงม้า มีแรงบิดที่ 700 นิวตันเมตร (516 ปอนด์-ฟุต) โดย Mercedes เคลมว่าเป็นเครื่องยนต์เบนซิล V8 ที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในโลก  โดยกินน้ำมันน้อยกว่าเครื่องรุ่นเก่าถึง 10%  ซึ่งต้องขอบคุณระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ CAMTRONIC ที่คอยตัดการทำงานของวาล์วลง 4 วาล์ว ในยามที่รถไม่จำเป็นต้องใช้อัตราเร่งสูงๆ

ในส่วนของเครื่องยนต์ดีเซลจะมีมาในรุ่น S 350d 4MATIC (286 แรงม้า/600 นิวตันเมตร) และ S 400d 4MATIC (340 แรงม้า/700 นิวตันเมตร โดยมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 5.6 ลิตร/100 กม. (147 กรัม/กม. CO2)  โดยในทั้ง 2 รุ่น เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 6 สููบแถวเรียง

Mercedes ยังมีแผนที่จะใส่เครื่องยนต์แบบใหม่ใน new S-Class อีกด้วย ซึ่งมีทั้งเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง และเครื่องยนต์ plug-in hybrid ที่ระบบไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร  ขณะที่เทคโนโลยีใหม่อย่า 48-volt Integrated Starter Alternator และ Electric Booster Compressor ก็ได้เปิดตัวที่งานนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย

ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า S-Class facelift ได้เขยิบเข้าใกล้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง โดยการยกระดับระบบ Mercedes-Benz Intelligent Drive ขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง ด้วย Mercedes-Benz Driving Assistance Package ซึ่งประกอบไปด้วยฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น DISTRONIC Active Proximity Assist, Active Steer Assist, Active Lane Change Assist, Active Emergency Stop Assist, และ Traffic Sign Assist  และผู้ครอบครอง S-Class ใหม่นี้ยังสามารถใช้ฟังก์ชัน Remote Parking Assist เพื่อควบคุมรถเข้าไปในที่จอดแคบๆ ผ่าน smartphone ได้อีกด้วย

S-Class ใหม่มาพร้อมกับฟังก์ชัน curve-tilting ซึ่งตัวรถภายในจะเอียง ไม่เกิน 2.65 องศา เพื่อลดแรงเหวี่ยง (แรงหนีศูนย์กลาง) ที่ผู้โดยสารสามารถรับรู้ได้ขณะรถเข้าโค้ง และยังมี wireless charging (ฟังชันใหม่), Concierge Service, Multifunction Telephony (ออปชันเสริม), Bluetooth handset แบบใหม่, และเครื่องเสียง Burmester 3D Surround Sound system (1,520 watts) ที่ได้รับปรังปรุงให้มีคุณภาพเสียงทืี่ดีขึ้น

ใส่ความเห็น