DriveAutoBlog
วันเสาร์, ตุลาคม 5, 2024
Test Driveข่าว

Nissan Note 2017 : “กว้างขวาง – ช่วงล่างนิ่ง – เครื่องเกียร์ฉลาด”…ระบบเซฟตี้ไฮเทคใช้งานได้จริงกับเมืองไทย

แฟนคลับรถยนต์นิสสันในเมืองไทย ดูจะตื่นเต้นมากๆ กับ All-new Nissan Note แม้จะกระแสดีจากดีไซน์ที่สวยงามและบอดี้ที่โอ่อ่า และเทคโนโลยีที่ให้มาทำให้รถน่าใช้มากๆ แต่ลูกค้าก็เกิดคำถามมากมายในหัว โดยเฉพาะเรื่องเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 3 สูบ และเกียร์ CVT ลูกเดียวกับที่อยู่ใน Almera ว่า เมื่ออยู่ใน Note ที่คันใหญ่ขนาดนี้ จะไหวหรือไม่? วันนี้เรามาพิสูจน์กัน!

[taq_review]

Live! ลองขับ Nissan Note บนถนนเมืองไทย Phrommin Ngamjansri

โพสต์โดย driveautoblog บน 9 มีนาคม 2017

Nissan Note First Drive

Live สดทดลองขับ Nissan Note ณ รง.นิสสัน ฝากเพื่อนๆ แชร์คลิปด้วยนะครับผม Phrommin Ngamjansri

โพสต์โดย driveautoblog บน 14 กุมภาพันธ์ 2017

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบ Nissan Note ใหม่ครั้งแรกในเมืองไทย และทีมงาน driveautoblog ก็ไม่พลาดที่จะมาทดลองและทำการ Facebook Live ไปยังเพจที่มีผู้กดติดตามจำนวนมาก และชอบมากับกรไลฟ์สด และร่วมสนุกพูดคุยกับพิธีกรมากความสามารถ (ชมตัวเอง…ฮา) ก่อนอื่นใด อยากให้ลองชมเทปบันทึก FB Live ทั้งจากงานทดสอบและจากครั้งแรกที่โรงงานกันก่อนครับ

ในไลฟ์สดเรียกได้ว่าครบถ้วนจัดเต็มพอสมควร คราวนี้มาลองไล่เรียงถึงข้อดีและข้อด้อยของรถคันนี้อีกรอบครับ

คอมแพ็คแฮตช์แบคสุดล้ำ ที่พัฒนาและออกแบบให้มีความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทั้งรูปโฉมโฉบเฉี่ยวสวยงาม สะดวกสบาย สมรรถนะ ความปลอดภัย จากแนวคิดเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคต Nissan Intelligent Mobility ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแนวทางหลักที่นิสสันใช้สำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม  ซึ่งด้วยเส้นทางทดสอบ “กรุงเทพ-อัมพวา” ทำให้สื่อมวลชนสามารถสัมผัสมิติ จุดเด่น  ประโยชน์ใช้สอย และ เดินทางด้วยความอุ่นใจ กับเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัย ที่ได้รับการติดตั้งใน  นิสสัน โน๊ต ใหม่  ได้อย่างครบถ้วน และตอบโจทย์ทั้งวิถีชีวิตในเมืองและต่างเมือง ได้เป็นอย่างดี

รูปโฉมภายนอกโฉบเฉี่ยว ไฟหน้า ไฟท้าย อันเป็นเอกลักษณ์

ในการทดสอบ นิสสัน ได้จัด รถยนต์ นิสสัน โน๊ต ใหม่ มาให้สื่อมวลชนได้สัมผัสความโฉบเฉี่ยวสวยงาม โดยนิสสัน โน๊ต ได้รับการออกแบบให้มีความสวยงาม มีรูปลักษณ์โดดเด่น มีสไตล์ เส้นสายภายนอกให้ทั้งความหรูหรา และสปอร์ต สำหรับ จุดเด่นภายนอกของโน๊ต อาทิ กระจังหน้าแบบ V-Motion ที่ดูสปอร์ตมีเอกลักษณ์ เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ของนิสสันในปัจจุบัน เติมความหรูด้วยช่องกันชนด้านล่างแบบโครเมียม และโคมไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ ปรับสูง-ต่ำได้  พร้อม LED Signature Light มาพร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า สร้างความโฉบเฉี่ยว ขณะที่ด้านหลัง ไฟท้าย LED แบบ Signature รูปทรงบูมเมอแรง พร้อมไฟเบรก LED ขณะที่เส้นสายด้านช้างลงตัว มือจับประตู กระจกข้างสีเดียวกับตัวรถ สามารถพับและปรับด้วยไฟฟ้า และยังติดตั้งไฟเลี้ยวบนฝาครอบกระจกมองข้างสไตล์ปีกนก ให้ทั้งความลู่ลม ความหรูและเพิ่มความปลอดภัยแก่เพื่อนร่วมทางส่วนด้านหลังติดตั้งสปอยเลอร์ ให้ทั้งมุมมองสปอร์ตและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่

ด้านการตกแต่งภายในนั้น โน๊ต คุมโทนด้วยสีดำซึ่งให้อารมณ์สปอร์ต ก่อนจะเติมความหรูหราผ่านวัสดุตกแต่งสีเงิน เช่น หัวเกียร์ ฐานเกียร์ คอนโซลกลางสีเปียโน แบล็ค มันวาว เรียบหรูยิ่งขึ้น เมื่อลองนั่งประจำที่คนขับ ความรู้สึกแรกคือ ความนุ่มแต่โอบกระชับของเบาะ สามารถรองรับการเดินทางไกลได้โดยไม่เมื่อยล้า และยังช่วยให้ควบคุมรถได้ดีเพราะตัวผู้ขับจะไม่ไหลไปตามแรงเหวี่ยง พวงมาลัยใหม่ทรงสปอร์ต แบบ        D-Shape ปรับสูงต่ำได้ จับได้ถนัดมือมาก โดยรุ่น VL จะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียงและเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ขณะที่มาตรวัดเป็นแบบเรืองแสงมัลติ อินโฟเมชัน ดิสเพลย์ (MID) ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ช่วยให้อ่านข้อมูลการขับขี่ต่างๆได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ไม่ต้องละสายตาจากถนนนานเกินไป

ขับขี่ในเมืองคล่องตัว-เพลิดเพลิน พร้อมอัดแน่น เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสุดล้ำ

สำหรับเส้นทางทดสอบ นิสสัน กำหนดจุดเริ่มต้นจากในเมือง ที่ย่านสาธรของกรุงเทพฯ ซึ่งการเดินทางช่วงแรก มุ่งให้สื่อมวลชนได้ทำความคุ้นเคยและสัมผัสกับฟังก์ชันการทำงานต่างๆ และความสะดวกสบาย ความคล่องตัวของ โน๊ต ทั้งจากการออกแบบตัวรถ เช่น วงเลี้ยวที่แคบแค่ 5.2 เมตร และความคล่องตัวจากสมรรถนะของเครื่องยนต์ เนื่องจากการขับขี่ในสภาพจราจรเช่นนี้ ต้องเบรกและออกตัวบ่อยครั้ง ขณะที่จำเป็นต้องเรียกกำลังจากเครื่องยนต์เพื่อเปลี่ยนช่องทางอย่างปลอดภัย

นิสสัน นำเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เป็นเอกสิทธิ์ของนิสสัน ใส่เข้ามาให้กับ “โน๊ต” มากมาย โดยภายใต้การทำงานและการสนับสนุนของศูนย์วิจัยพัฒนาที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย นิสสันมีการศึกษาความต้องการ สภาพแวดล้อม การขับขี่  และพัฒนาปรับเทคโนโลยีต่างๆ ให้ตอบสนองการใช้งานในประเทศไทยได้อย่างลงตัว ช่วยทำให้การใช้รถง่ายขึ้น เช่น Intelligent Around View Monitor (AVM) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง และมองเห็นได้ทุกจุดรอบคัน ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหว หรือ Moving Object Detection (MOD) ด้วยการออกแบบให้ภาพจากกล้องแสดงผลที่กระจกมองหลัง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เพราะผู้ขับขี่สามารถเห็นภาพจากกล้อง และภาพที่สะท้อนบนกระจกมองหลังได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ต้องเลื่อนสายตาขึ้นลง และยังตอกย้ำเรื่องของความปลอดภัย ด้วยการติดตั้งระบบ Intelligent Forward Collision Warning (FCW) หรือระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า ซึ่งเตือนสัญญาณเสียง และสัญลักษณ์ที่หน้าปัด ทำให้การขับขี่อุ่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะในเส้นทางที่หนาแน่นทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และคนเดินเท้า และยังเพิ่มความปลอดภัยกับระบบ Intelligent Emergency Braking ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบช่วยเตือนก่อนการชน  โดยวิเคราะห์ระยะห่าง และความเร็วด้วยกล้องด้านหน้า แล้วช่วยชะลอความเร็วและหยุดรถอัตโนมัติ ภายใต้สภาพการจราจรที่หนาแน่น กับอากาศที่ร้อนระอุของเดือนมีนาคม ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับ โน้ต ที่มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติที่ให้ห้องโดยสารมีความเย็นสบาย มาพร้อมกับระบบเครื่องเสียงเต็มรูปแบบที่ยังเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชันผ่านสาย HDMI  และเทคโนโลยี mirror link ซึ่งทั้งหมดทำให้คณะผู้ทดสอบเดินทางได้อย่างเพลิดเพลินและสนุกสนาน

นอกเมือง มั่นใจ สมรรถนะเครื่องยนต์ พร้อมความปลอดภัยเต็มที่

จากกรุงเทพ โน๊ต ขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าสะพานพระราม 9 เพื่อออกสู่ถนนพระราม 2 เป็นเส้นทางที่ใช้ความเร็วได้เพิ่มขึ้น แม้จะมีปริมาณรถหนาตาก็ตาม และทำให้รับรู้ได้ว่าแม้จะเป็นรถที่มีเครื่องยนต์ขนาด 1,198 ซีซี 3 สูบ แถวเรียง DOHC 12 วาล์ว CVTC (Continuously Variable-valve Timing Control) ที่มาพร้อมกับหัวฉีดอิเลคทรอนิค มัลติพอยท์ (ECCS) 32 บิท ฉีดเชื้อเพลิงได้ละเอียดและแม่นยำ ให้กำลังได้สูงสุดถึง 79 แรงม้า ก็เพียงพอต่อการใช้งาน ทำความเร็วและเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ และให้สิ่งที่เหนือกว่าคือ การประหยัดนัำมันอย่างดีเยี่ยม รวมถึงยังเป็นรถที่มีส่วนช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม เพราะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่เกิน 120 กรัม/กิโลเมตร เทียบเท่ามาตรฐานไอเสีย ยูโร 4 อีกด้วย และ โน๊ต ยังมีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ เมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาให้เช่นกัน

สำหรับการขับขี่ทางไกล โน๊ต ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน และใส่ใจคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร  โดยได้บรรจุเทคโนโลยีระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง (Lane Departure Warning – LDW) ซึ่งจะเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทางมาให้เป็นครั้งแรกในรถระดับเดียวกัน โดยระบบนี้จะตรวจจับอาการของรถ หากพบว่าล้อเหยียบเส้นโดยไม่ตั้งใจคือ ผู้ขับไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบก็จะเตือนให้ผู้ขับได้รู้ตัวเพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้ทันก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งระบบนี้จะทำงานที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม. ขึ้นไปภายใน การเดินทางบนเส้นทางถนนพระราม 2 ยังทำให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้จากการออกแบบ คือ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำแค่ 0.30 ซึ่งตัดเสียงรบกวนของลมปะทะ และทำให้รถมีการทรงตัวที่ดีอีกด้วย และยังเพลิดเพลินกับการเดินทาง ทั้งผู้ขับ ผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลังจากห้องโดยสารที่กว้างขวางอันเป็นจุดเด่นของรถยนต์นิสสัน ด้วยระยะห่างระหว่างเบาะหน้าและเบาะหลังที่ปรับได้มากขึ้น ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่ช่วงขา ช่วงเข่ามากขึ้น ทำให้รู้สึกว่าแค่แป๊บเดียว โน๊ตก็เลี้ยวออกจากถนนพระราม 2 แล้ว ก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่อัมพวา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งวิวทิวทัศน์ ร้านค้า วิถีชีวิตผู้คนและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ

สำหรับคนรุ่นใหม่เพื่อการขับขี่สนุกสนานทุกเส้นทาง

ตลอดเส้นทางการทดสอบ  นิสสัน ได้กำหนดเส้นทาง ให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับจุดเด่นของ นิสสันโน๊ต ได้อย่างครบครัน โดยที่ในเมืองอัมพวา เลือกถนนหนทางที่ลัดเลาะไปตามชุมชน ผ่านเรือกสวนสวยงาม  เส้นทางในหลายช่วงค่อนข้างแคบและคดเคี้ยว ทำให้สื่อมวลชนรับรู้ถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นของโน๊ต คือระบบช่วงล่างที่เกาะถนนไว้ใจได้ การโยนตัวของตัวถังที่มีน้อย และความแม่นยำของพวงมาลัย ดังนั้นเส้นทางที่เหมือนจะท้าทาย ก็กลายเป็นเส้นทางที่ให้ทั้งความสนุกและความเพลิดเพลินของทุกคน

ด้วยช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ขณะที่ด้านหลังเป็น ทอร์ชัน บีม พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวล ยึดเกาะถนน และรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ดี และเมื่อเดินทางในเส้นทางที่ร่มรื่นเช่นนี้ การเปิดเพลงเพราะๆ จากเครื่องเสียงคุณภาพดีผ่านลำโพง 4 ตัว ก็ทำให้การเดินทางครั้งนี้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น

สำหรับการทดสอบครั้งนี้ นิสสันยังมีกิจกรรมพิเศษเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ทดสอบได้รับรู้ถึงจุดเด่นอีกหลายอย่าง เช่น ความสามารถในการบรรทุกสิ่งของ จากพื้นที่ด้านท้ายที่กว้างขวางเทียบกับรถในตลาดเดียวกัน และเบาะนั่งด้านหลังที่พับได้แบบ 60/40 ในรุ่น VL และปรับชิ้นเดียวในรุ่น V ช่วยเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น และยังมีอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่น่าจะถูกใจและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากๆ คือถาดปรับระดับท้าย 2 ชั้น ที่ช่วยการจัดเรียงสัมภาระได้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น โดยจะปรับพื้นที่บรรทุกตอนท้ายให้เรียบ และ สร้างพื้นที่จัดเก็บแยกชั้น บริเวณพื้นที่เก็บของด้านหลัง

อีกฟังก์ชันเด่นที่ตอบสนองวิถึชีวิตสมัยใหม่คือ บานประตูตอนหลังที่เปิดได้กว้างเป็นพิเศษ 85 องศา ที่นอกจากจะเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะผู้โดยสารขึ้นลงสะดวก แต่ว่ายังช่วยให้การขนของชิ้นใหญ่ๆขึ้นลง ทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าบางครั้งการใช้รถเก๋ง ก็ต้องรับงานขนสัมภาระเช่นกัน และก็มักจะเจอปัญหาขึ้นลงยากไปจนถึงใส่เข้าไปในตัวรถไม่ได้ก็มี แต่นิสสันได้ใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ จึงได้ออกแบบรองรับ โน๊ตให้ตอบสนองได้เป็นอย่างดี

โน๊ต ยังมีจุดเด่นอีกหลายอย่าง อาทิ ทุกรุ่นที่มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่เพิ่มความปลอดภัยทั้งในเชิงการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (Active Safety) และ ระบบลดความรุนแรง ความเสียหายจากอุบัติเหตุ (Passive Safety) โครงสร้างตัวถังนิรภัยเป็นแบบ Zone Body Concept มีความแข็งแรง ให้ความยืดหยุ่น และกระจายแรงกระแทก เพื่อปกป้องห้องโดยสารและผู้โดยสารกรณีเกิดอุบัติเหตุ ติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า แบบ 3 จุด แบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ ปรับสูง-ต่ำได้ เพื่อความเหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 3 จุด ครบทั้ง 3 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารที่เป็นเด็กด้วยจุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX และระบบป้องกันเด็กเปิดประตูจากในรถ เสริมความมั่นใจด้วย ระบบเบรกป้องกันล้อล้อค (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ แอลอีดี ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ลดปัญหารถไหลเมื่อออกตัว

นิสสัน โน๊ต ใหม่ มี 2 รุ่น ย่อย คือ 1.2V และ 1.2 VL โดยมี ราคาเริ่มต้นที่ 568,000 บาท ในรุ่น 1.2V CVT และ 640,000 บาท สำหรับรุ่น 1.2 VL CVT โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดง เรเดียน เรด, สีชมพู สวีท พิงค์, สีม่วง พลัม, สีขาว ไวท์ เพิร์ล, สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ และสีดำ แบล็ค สตาร์ สำหรับผู้ที่สนใจ รถยนต์คอมแพ็ค แฮทช์แบค

ใส่ความเห็น