วันเสาร์, ธันวาคม 7, 2024
ข่าว

KCAR แนะ เทคนิคการเลือกซื้อรถยนต์มือสอง อย่างไรให้ไร้ความเสี่ยง

คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่าการเดินทางโดยระบบขนส่งมวลชนในบ้านเรายังคงเป็นแบบที่ต้องแย่งกันใช้ แย่งกันเดินทาง ทั้งยังไม่สามารถที่กะเกณฑ์กำหนดเวลาในการเดินทางที่แน่นอนได้ ที่สำคัญการอยู่อาศัยเราเริ่มที่จะขยายออกสู่ชานเมืองมากขึ้น ทำให้การเดินทางเข้าตัวเมืองไม่ว่าจะมาทำธุระชั่วครั้งคราวหรือมาทำงานโดยยระบบขนส่งสาธารณะนั้นไม่มีความสะดวกสบายเท่าใดนัก การซื้อรถยนต์ดีๆสักคันมาขับเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องพิจารณาให้ดีๆ ซึ่งนอกจากจะคำนึงถึงเงินในกระเป๋าแล้วความปลอดภัยในการขับขี่ก็มีความสำคัญไม่น้อย

…รถใหม่ป้ายแดงอาจไม่ใช่คำตอบที่ใช่หรือถูกต้องนักสำหรับมนุษย์เงินเดือนทั่วไป…“รถมือสอง” ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ยิ่งเป็นมือใหม่ด้วยแล้วเรามีทริคดีๆเหมาะกับผู้ซื้อหน้าใหม่ ที่ตกลงปลงใจควักเงินเก็บออมในกระเป๋ามาถอยรถมือสองออกไปขับนั้นมือใหม่หัดขับต้องดูไรบ้าง รถเคยถูกชนหนักมาหรือไม่ เคยมีน้ำเข้ามาหรือไม่ เปลี่ยนมือขับมาแล้วกี่คน ฯลฯ ทุกคำถามเรามีคำตอบที่เป็นไกด์แนะนำประกอบการตัดสินใจเลือกรถบ้านหรือรถเต้นท์แบบไหนดีกว่ากัน?

อย่างที่กล่าวรถมือ 2 นั้นมี 2 ประเภท คือรถบ้าน กับ รถเต้นท์ ซึ่งสองประเภทนี้ก็มีความแตกต่างกัน ดังนี้ 

ประเภทที่ 1 “รถบ้าน” คือ รถที่เจ้าของบ้านใช้เอง ประกาศขายเอง เป็นการซื้อขายกันตรงระหว่างเจ้าของรถกับผู้ซื้อ การซื้อรถแบบนี้มีข้อดีคือ ได้ซื้อกับเจ้าของรถโดยตรง ผู้ซื้อสามารถถามประวัติของรถได้ หาพบเจ้าของรถเป็นคนดี มีความจริงใจ ผู้ซื้อก็จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ส่วนข้อเสีย รถบ้านส่วนใหญ่จะขายตามสภาพ การซื้อ-ขายไม่มีการรับประกัน ผู้ซื้อต้องเป็นคนหาแหล่งเงินกู้ หรือ ดำเนินการทางด้านเอกสารต่างๆ เอง เป็นต้น

ประเภทที่ 2 “รถเต้นท์” คือ ไม่ใช่การซื้อ-ขาย โดยตรงกับเจ้าของ แต่เป็นซื้อ-ขาย ผ่านคนกลางหรือนายหน้า ซึ่งปัจจุบันการซื้อ-ขายในรูปแบบดังกล่าวมีทั้งประเภทรถเต้นท์ผ้าใบทั่วไป หรือ รถมือสองที่มีการลงทุนโชว์รูมที่ตกแต่งสวยงามทันสมัยวิธีการซื้อรถแบบนี้ มีข้อดี คือ สามารถไปดูรถได้สะดวก มีรถหลายรุ่น หลายปีให้เลือก มีบริการด้านเอกสาร การประสานงานกับสถาบันการเงิน แต่การเลือกซื้อรถเต้นท์ อาจมีค่าดำเนินการเพิ่มเติม ซึ่งนั่นอาจถือว่าเป็นข้อเสียของการซื้อรถเต้นท์

เมื่อทราบพอสังเขปแล้วว่ารถมือสองมี 2 ประเภทเราก็จะลงลึกว่าทริคในการดูรถมือสองอย่างไรให้ไร้ความเสียง…!!! ซึ่งขอโฟกัสไปที่การซื้อ-ขายผ่านคนกลางเป็นหลัก

  1. เล่มแท้ เล่มเทียม ถูกสวมเล่มมารึป่าว

ผู้ใช้รถจำเป็นต้องมีการเสียภาษีทุกปี ซึ่งจากเล่มสมุดจดทะเบียนนี้ สามารถสังเกตได้ว่าเป็นเล่มแท้หรือไม่ ถูกสวมเล่มมาหรือเปล่า เพราะบางกรณีอาจพบได้ว่ารถสองคันแต่เป็นเล่ม ทะเบียนเดียวกัน ซึ่งในสมุดจดทะเบียน สามารถดูได้ดังต่อไปนี้

เล่มทะเบียนหน้า 16 จะบอกถึงรายการเสียภาษี ทุกครั้งที่มีการเสียภาษีทุกปีจะมีการพิมพ์รายการเสียภาษีทุกครั้ง เพราะฉะนั้นการพิมพ์แต่ละครั้งรูปแบบของตัวอักษรหรือช่องไฟจะมีระยะที่ไม่เท่ากัน หากรูปแบบของการพิมพ์ เหมือนกัน น้ำหมึกเท่ากันทุกบรรทัด ช่องไฟที่เท่ากันในแต่ละบรรทัด ของแต่ละปีที่ยื่นภาษี จึงเป็นที่ผิดสังเกตุ ให้พึงระวังถึงการปลอมแปลงสมุดจดทะเบียนได้

เล่มทะเบียนหน้า 18 แสดงการเปลี่ยนโอนกรรมสิทธิ์ รถยนต์จดประกอบหรือไม่ มีการดัดแปลง หรือถูกเปลี่ยนสภาพมาหรือไม่ หรือหากเป้นการนำเข้า ได้ดำเนินการนำเข้าอย่างถูก ต้องหรือเปล่า สามารถเช็คได้จากหน้าที่ 18 ซึ่งกรมขนส่งทางบกจะเป็นผู้แก้ไข

  2.  ดูว่าใครเป็นเจ้าของมาก่อน จะเป็นดี

การโอนเข้าชื่อผู้ขายก่อนจะมีประโยชน์กับผู้ซื้อในเรื่องความมั่นใจโดยเฉพาะผู้ขายที่จดทะเบียนในรูปแบบบริษัท เพราะการถือกรรมสิทธิ์ของผู้ขายที่เป็นรูปแบบบริษัทก่อนที่จะมีการโอนให้กับผู้ซื้อนั้น แสดงถึงความชัดเจนในการถือครองกรรมสิทธิ์ของรถยนต์คันนั้นๆ จะช่วยลดปัญหาที่อาจตามมาได้ ไม่ว่าจะเรื่องปัญหาการโอน การตรวจสอบประวัติ หรือการขอเอกสารเพิ่มเติม ก็จะเบ็ดเสร็จที่บริษัทผู้ขาย ไม่ต้องติดตามกับบุคคลที่สามหรือเจ้าของเดิมนั่นเอง

  3.  เช็คอย่างไรว่านี่คือไมล์แท้!

ทุกวันนี้การกลับไมล์ให้น้อยลงสามารถทำได้ง่าย ผู้ซื้อควรคำนึงถึงเลขไมล์ที่สอดคล้องกับปีรถ และสภาพภายใน, ภายนอก ที่สอดคล้องกับเลขไมล์ของรถคันนั้นๆ การทดลองขับก็สามารถบ่งชี้ถึงการดูแลรักษาที่สอดคล้องกับเลขไมล์ได้เช่นกัน และปัจจุบันนี้ มีหลายยี่ห้อ หลายแบรนด์ ที่สามารถตรวจสอบเลขไมล์ครั้งสุดท้ายได้กับศูนย์บริการ เช่น โตโยต้า, ฮอนด้า เป็นต้น หรือหากเราทราบว่ารถที่ต้องการซื้อนั้น มาจากดีลเลอร์หรือเข้าศูนย์บริการที่ไหน เราก็สามารถตรวจสอบเลขไมล์กับดีลเลอร์รายนั้นๆ ได้เช่นกัน

4.  ทดลองขับขี่ก่อนจะดีกว่า 

นอกจากสภาพที่สายตามองเห็นแล้ว ยังมีสิ่งที่ต้องคำนึงอยู่อีกมากมาย เพื่อสร้างความ มั่นใจในการซื้อรถ และตรวจสอบความพร้อมของรถ โดยเฉพาะเครื่องยนต์หรือช่วงล่างนั่นเอง การทดลองขับเป็นสิ่งที่จำเป็น และสำคัญสำหรับผู้ซื้อเป็นอย่างยิ่ง เราสามารถจับอาการความผิดปกติของรถแม้จะไม่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ก็ตาม เพราะฉะนั้นควรเลือกซื้อรถยนต์กับผู้ขายที่ให้ทดลองขับจะดีที่สุด ซึ่งอาจมีบางร้านไม่สะดวกให้ทดลองขับ แต่อย่างไร การทดลองขับจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อได้มากยิ่งขึ้นจริงๆ

5.  ผู้ขายต้องน่าเชื่อถือ

ผู้ขายเป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีที่ทำการที่เป็นมาตรฐาน หรือ ตัวแทนที่ถูกแต่งตั้งจากบริษัทรถยนต์จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อได้ เพราะผู้จำหน่ายเหล่านี้จะมีการตวจสอบ และออดิตถึงสภาพความพร้อมของตัวรถที่จะขายให้กับลูกค้า จุดนี้เองจึงสามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อว่าท่านได้ซื้อรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการรับประกันและความรับผิดชอบหลังการขาย

6.  สภาพรถสวย ใครว่าจะไร้ความเสี่ยง

สภาพรถที่สวยภายนอก ไม่ได้บอกว่ารถคันนั้นจะดีเสมอไป อาจมีการผ่านอุบัติเหตุหนักๆ มาก็เป็นได้ หากต้องการสังเกตว่ารถเกิดอุบัติเหตร้ายแรงมาหรือไม่ ให้ดูที่สีของตัวถังรถ ว่ามีสีเพี้ยนหรือไม่สม่ำเสมอหรือเปล่า สีไฟหน้า สีไฟท้าย เป็นสีเดียวกัน ถ้าสีใหม่ต้องใหม่เหมือนกัน ทุกดวง ไม่ใช่บางดวงเก่า บางดวงใหม่ นอกจากนั้นสภาพรถควรจะเป็นไปตามอายุของรถ เช่น อายุรถ 10 ปี แต่ไฟหน้าใหม่ ไม่เหมือนผ่านการใช้งานมา 10 ปี ก็เป็นที่น่าผิดสังเกต ซึ่งบางคนมองว่าเป็นเรื่องดี แต่จริงๆ อาจจะซ่อม หรือเคลมมา รวมถึงกระจกรถและแท็กของสายเข็มขัด นิรภัยจะระบุว่าปีที่ผลิตรถมา อันนี้ก็ถือเป็นจุดสังเกตง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถตรวจสอบได้

กล่าวง่ายๆ คือ การตรวจสอบปีของรถ เลขปีทุกอย่าง ทุกจุด จะต้องตรงกัน ไม่ว่าจะ เป็น เลขตัวถังรถ เลขเครื่องยนต์ จะต้องตรงกับในเล่มทะเบียน หรือแม้แต่ยางรถยนต์ ก็สังเกต จากตัวเลข 4 หลัก ที่ระบุปีของยางซึ่งควรจะต้องใหม่กว่าปีของรถนั่นเอง

7.  ไฟแนนซ์จะช่วยตรวจสอบรถให้ด้วยนะ

ยี่ห้อรถยนต์มีผลต่อยอดในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน รถที่มีความนิยมสูงก็จะได้สินเชื่อที่สูงตามไปด้วย ผู้จำหน่ายก็มีผลต่อยอดการขอสินเชื่อด้วยเช่นกัน ผู้จำหน่ายที่เป็นตัวแทนของรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ ก็จะได้สินเชื่อที่มากกว่าปกติเพราะในแง่ของการขอสินเชื่อ สถาบันการเงินก็จะตรวจสอบถึงแหล่งที่มาของรถยนต์ รถยนต์ที่สามารถตรวจสอบได้ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินนั้นๆ ในการจัดไฟแนนซ์ให้กับลูกค้า ยิ่งผู้ขายมีความน่าเชื่อถือมาก ก็จะได้วงเงินของสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย  เมื่อลูกค้าซื้อรถผ่านไฟแนนซ์ ไฟแนนซ์เองก็จะเป็นผู้ตรวจสอบที่มาของรถให้กับลูกค้าอีกทางหนึ่ง ซึ่งน่าเชื่อถือ และสร้างความมั่นใจในรถคันนั้นๆ ได้ เช่นกัน

…นั่นเป็น 7 ข้อหลักๆ ที่นำมาฝากสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถมือสอง อย่าลืมนะคะว่า เรื่องรถกับเรื่องเอกสาร เป็นเรื่องคู่กัน มือใหม่หัดซื้อรถมือสอง ควรศึกษาหาข้อมูลให้ครบรอบด้าน หากไม่แน่ใจว่าจะถูกยอมแมวขายหรือไม่ แนะนำให้ไปโชว์รูมที่ได้มาตรฐานมั่นคงถาวร

Anuwat
the authorAnuwat
Producer รายการ DRIVE และผู้สื่อข่าวสายรถจักรยานยนต์ เว็บไซต์ driveautoblog.com

ใส่ความเห็น