วันอาทิตย์, ธันวาคม 8, 2024
CARNew Carข่าว

BENTLEY MULLINER BATUR คันแรกเริ่มวิ่งทดสอบอย่างเป็นทางการข้ามทวีปยุโรป

อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ต้นแบบ BENTLEY MULLINER BATUR คันแรกเริ่มวิ่งทดสอบข้ามทวีปยุโรป
โปรแกรมการพัฒนารถยนต์ต้นแบบทั้งหมดครอบคลุมการทดสอบถึง 120 รายการใน 58 สัปดาห์
กว่า 100 สัปดาห์ในการพัฒนาเครื่องยนต์ ทำให้ BATUR เป็นอัครยนตรกรรมที่ทรงสมรรถนะที่สุดของเบนท์ลีย์ในปัจจุบัน
BATUR ประกอบด้วยชิ้นส่วนชุดแต่งมากกว่า 800 ชิ้น ไม่รวมตัวเลือกของวัสดุและการตกแต่งแบบเฉพาะตัวของลูกค้า
การรังสรรค์และวิศวกรรมขั้นสูงของ BATURปูทางสู่อนาคตที่ยั่งยืนของเบนท์ลีย์

 

BENTLEY MULLINER BATUR ได้เริ่มวิ่งทดสอบบนท้องถนนจริงข้ามทวีปยุโรป ซึ่งหลังจากเปิดตัวที่งาน Monterey Car Week เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และ เผยโฉมต่อสาธารณชนในอีเวนต์ต่างๆ ขณะนี้อัครยนตรกรรมต้นแบบ BATUR กำลังเริ่มโปรแกรมการทดสอบอย่างเข้มข้นเพื่อให้มั่นใจถึงมาตรฐานสูงสุดของประสิทธิภาพและคุณภาพตัวรถ โดย BATUR ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 18 คันเท่านั้นและมีกำหนดการส่งมอบช่วงกลางปี 2566 หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนทางด้านวิศวกรรม

 

การทดสอบได้รวมถึงการทดสอบด้านความทนทานของทั้งเครื่องยนต์และตัวรถ การจำลองความเหมาะสมในสภาพแวดล้อมต่างๆ เสถียรภาพในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง หลักอากาศพลศาสตร์ เสียง แรงสั่นสะเทือน และ ไดนามิกในการขับขี่ ซึ่งการทดสอบมากกว่า 120 รายการได้ครอบคลุมทุกมิติตั้งแต่คุณภาพื้นผิวของส่วนควบคุมระบบระบายอากาศ “organ stop” สีทอง ไปจนถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของเครื่องยนต์W12 รุ่นใหม่ด้วยระยะเวลามากกว่า 58 สัปดาห์สำหรับการทดสอบอัครยนตรกรรมต้นแบบทั้งสองคัน และ กว่า 100 สัปดาห์กับการพัฒนารถยนต์พร้อมกับการตรวจสอบกำลังของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ BATUR เป็นอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ที่ทรงสมรรถนะที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยพละกำลังกว่า 740 แรงม้า

 

สำหรับกิจกรรมการทดสอบแรกของอัครยนตรกรรมต้นแบบ Batur Car #0 คือ การวิ่งทดสอบข้ามทวีปยุโรปเป็นระยะทางกว่า 2,500 กิโลเมตรเพื่อจำลองสภาพแวดล้อมจริงในการขับขี่ โดยได้ออกเดินทางจากประเทศเยอรมนีผ่านประเทศอิตาลี ประเทศฝรั่งเศส และ ประเทศสเปน ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการทดสอบด้วยความเร็วสูงสนามทดสอบ

 

สนามทดสอบ Batur Car #0 จะเริ่มทดสอบความทนทานเป็นระยะเวลากว่า 7 สัปดาห์บนเส้นทาควบคุม สภาพท้องถนนแบบผสม การทดสอบด้วยความเร็วสูง และ สภาพท้องถนนที่ไม่เหมาะสม โดยในระหว่างกิจกรรมการทดสอบเหล่านี้ ข้อมูลและคำแนะนำจะถูกรวบรวมเพื่อให้มั่นใจว่าการทดสอบได้บรรลุเป้าหมายทางเทคนิค

 

หลังจากการทดสอบในสนามเสร็จสิ้น ตัวรถได้มีการทดสอบในสถาพท้องถนนจริงอีก 7,500 กิโลเมตรก่อนที่จะเริ่มการทดสอบผ่านสภาพแวดล้อมต่างๆ โดยภายในระยะเวลาไม่ถึง 4 สัปดาห์ ตัวรถได้ทนต่อแสงอาทิตย์ได้ถึง 600 ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับระยะเวลา 5 ปีในทะเลทรายแอริโซนา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับวัสดุชนิดใหม่ที่ยั่งยืนที่ใช้ในส่วนประกอบภายนอกแทนวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์

 

ก่อนการส่งมอบให้กับลูกค้ารายแรกจะเริ่มต้นขึ้น ชิ้นส่วนพิเศษกว่า 810 ชิ้นจะผ่านการทดสอบและพัฒนาเป็นเวลา 160 สัปดาห์จนเสร็จสมบูรณ์เพื่อส่งมอบความเป็นที่สุดของอัครยนตรกรรมแกรนด์ทัวเรอร์สุดพิเศษรุ่นนี้

 

สุดยอดอัครยนตรกรรมแบบแกรนด์ทัวเรอร์กับเครื่องยนต์รุ่น W12  

Batur คือ อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ที่ทรงสมรรถนะที่สุดของเบนท์ลีย์ด้วยพละกำลังกว่า 740 แรงม้าจากขุมพลังเครื่องยนต์รุ่น W12 ขนาด 6.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จที่ประกอบขึ้นด้วยมือ โดยได้ขับเคลื่อนความสำเร็จของเบนท์ลีย์ในช่วงเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา

 

กว่า 100 สัปดาห์ในการพัฒนาเครื่องยนต์ได้รวมถึงระบบบรรจุอากาศแบบใหม่ เทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ได้รับการดัดแปลง อินเตอร์คูลเลอร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และ การคาลิเบรทใหม่สำหรับกระปุกเกียร์และระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเครื่องยนต์รุ่น W12

 

ในขณะที่เบนท์ลีย์กำลังเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลงตามกลยุทธ์ Beyond100 เพื่อมุ่งสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ Batur คือ อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้ที่ได้ตอกย้ำความเป็นเลิศด้านสมรรถนะ แรงบิด และ ความประณีตจากเครื่องยนต์รุ่น W12 โดยประสิทธิภาพของเครื่องยนต์จะตอบสนองกับแชสซีที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยระบบกันสะเทือนแบบถุงลมที่ปรับตามความเร็ว ระบบควบคุมการหมุนแบบแอคทีฟ eLSD ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และ แรงบิดเวกเตอร์

 

อัครยนตรกรรมต้นแบบ Batur Car #0

BENTLEY MULLINER BATUR ทั้ง 18 ได้ถูกครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแต่ละคันได้รับการออกแบบร่วมกับลูกค้า พร้อมคำแนะนำจากทีมออกแบบของ Mulliner

 

ลูกค้าสามารถระบุเฉดสีและพื้นผิวของ Batur ได้แทบทุกพื้นผิวเพื่อการรังสรรค์อัครยนตรกรรมในแบบเฉพาะตัว ตั้งแต่เฉดสีภายนอกหลักไปจนถึงพื้นผิวของช่องระบายอากาศ และทุกๆชิ้นส่วน ซึ่งลูกค้าแต่ละรายสามารถระบุได้แม้แต่รายละเอียดที่เล็กที่สุด

 

อัครยนตรกรรมต้นแบบ Batur Car #0 มาพร้อมกับความใส่ใจใรายละเอียดเช่นเดียวกับของลูกค้า ตัวรถมากับงานสีภายนอกในเฉดสีม่วง ซึ่งเป็นเฉดสีพิเศษ ให้สีที่สดใสตลอดพื้นผิวตัวถังที่โค้งมน ตัวถังได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วยสปลิตเตอร์หน้า สเกิร์ตข้าง และดิฟฟิวเซอร์หลังที่เคลือบด้วยไฟเบอร์ธรรมชาติแบบมันวาวสูง

 

ด้านหน้าของตัวรถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าที่ออกแบบอย่างมีศิลปะด้วยรูปแบบเมทริกซ์เคลือบด้วยสีทาเข้มแบบมันวาว (Gloss Dark Titanium) เน้นด้วยบั้งที่ตัดกันในรูปแบบลายเส้นแนวนอน “ฝากระโปรงท้าย” ตกแต่งด้วยเฉดสีเทา Satin Titanium เช่นเดียวกับล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้ว พร้อมซี่ล้อมันวาวในเฉดสีดำ Satin Black Crystal เพื่อให้เข้ากับกระจังหน้า

 

เส้นทางสู่อนาคตการออกแบบตัวถังรถยนต์ของเบนท์ลีย์

BENTLEY MULLINER BATUR ถือเป็นโครงการออกแบบตัวถังรถยนต์โครงการแรกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งมอบแนวทางและตัวเลือกการออกแบบที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า สำหรับ Batur ได้มีการพัฒนาตัวเลือกต่างๆ ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่สี วัสดุ และ การตกแต่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบเสียง Mulliner by Naim ที่ได้นำระบบเสียง Naim จากรุ่น Continental GT มาแปลงโฉมด้วยลำโพง Focal ใหม่ 20 ตัว พร้อมกำหนดค่าเฉพาะสำหรับ Batur และ สามารถปรับแต่งด้วยตัวเองเพื่อประสบการณ์ความบันเทิงที่เหนือชั้นอย่างแท้จริง

 

นอกจากนี้ ทีมออกแบบยังได้รังสรรค์ให้ Batur มีลักษณะเฉพาะด้วยการผสมผสานระหว่างวัสดุและการตกแต่งระดับไฮเอนด์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การใช้วัสดุและรูปแบบที่ยั่งยืน ตั้งแต่ทองคำที่ผลิตจากการขึ้นรูปแบบ 3 มิติไปจนถึงหนังที่ผ่านกรรมวิธีด้านความยั่งยืนและแผ่นไม้วีเนียร์อัดผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ

 

การใช้เทคนิคการผลิตขั้นสูงทำให้สามารถลดต้นทุนในด้านเครื่องมือ ซึ่งจะช่วยลดการใช้วัสดุและพลังงานในกระบวนการผลิต โดยระหว่างการทดสอบ Mulliner ยังวางแผนที่จะใช้เส้นใยธรรมชาติแทนคาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตบางส่วนของรถยนต์ ซึ่งจะช่วยลดคาร์บอนในการผลิตวัสดุลงอย่างมาก

 

ความยั่งยืนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการรังสรรค์อัครยนตรกรรมสปอร์ตคูเป้รุ่นพิเศษอย่าง Batur โดยจะช่วยผลักดันคุณลักษณะด้านความยั่งยืนสำหรับอัครยนตรกรรมรุ่นต่อไปในอนาคตด้วยประสบการณ์ในการรังสรรค์อัครยนตรกรรมจาก Mulliner โดยจะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับนวัตกรรมที่จะสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเบนท์ลีย์

Thep Neng
the authorThep Neng

ใส่ความเห็น