วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
ข่าว

เปิดตัว New Honda Accord Hybrid ระบบไฮบริดใหม่ล่าสุด และระบบเซฟตี้สุดล้ำ 2 รุ่น ค่าตัว 1.66 และ 1.85 ล้านบาท

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ อีกขั้นของยนตรกรรมไฮบริด ด้วยเทคโนโลยีไฮบริดอันล้ำสมัยล่าสุดจากฮอนด้า Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ด้วยกำลังสูงสุดทั้งระบบ 215 แรงม้า เพิ่มความสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต อีกทั้งสามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้ต่อเนื่องและทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร พร้อมด้วยมิติใหม่ของเทคโนโลยีความปลอดภัย ภายใต้ Honda SENSING ซึ่งรวมฟังก์ชั่นความปลอดภัยขั้นสูงเข้าด้วยกัน เพื่อความมั่นใจในทุกการขับขี่ ลงตัวกับดีไซน์ที่หรูหราสง่างามและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน

New Honda Accord Hybrid pic 1

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ เป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในทุกมิติ ผสานกับความหรูหราสง่างามของการออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ผมจึงมั่นใจว่า ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ จะสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้นำยุคใหม่ ที่มองหาความแตกต่างอย่างเหนือระดับ ในยนตรกรรมที่สามารถสะท้อนภาพลักษณ์และวิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำนำหน้าเหนือใคร”

New Honda Accord Hybrid_FrontNew Honda Accord Hybrid_Rear

ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ด้วยการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ให้ประสิทธิภาพสูงในการชาร์จและจ่ายกระแสไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะเพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพการขับขี่ ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ที่สามารถขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ต่อเนื่อง และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) และเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เข้าถึงอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตที่สนุกสนาน เร้าใจ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ได้เพิ่มโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Drive Mode) ด้วยการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งทำความเร็วให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อน โดยผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้เพียงกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณคันเกียร์ ระบบ Sport Hybrid i-MMD จึงเป็นระบบ Full Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังแต่ยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 99 กรัม/กิโลเมตร

165AC_mmc_H008_eng.eps
165AC_mmc_H008_eng.eps

165AC_mmc_H009_immd_battery.eps
165AC_mmc_H009_immd_battery.eps

165AC_mmc_H007_immd_motor.eps
165AC_mmc_H007_immd_motor.eps

โดยยังมาพร้อมกับมิติใหม่ของเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย Honda SENSING ที่ผสานการทำงานเรดาร์และกล้องด้านหน้า เพื่อตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน แล้วแจ้งเตือนผู้ขับขี่หรือช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับและผู้โดยสารในรถ รวมถึงเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ประกอบด้วย 4 ระบบ ดังนี้

Adaptive Cruise Control (ACC)
Adaptive Cruise Control (ACC)

1) ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันAdaptive Cruise Control (ACC) เป็นระบบที่ไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ได้ตั้งค่าไว้ แต่จะทำการตรวจจับระยะห่างและความเร็วของรถคันหน้า เพื่อปรับความเร็วของรถโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าได้อย่างเหมาะสมตลอดเวลา

Collision Mitigation Braking System (CMBS)
Collision Mitigation Braking System (CMBS)

2) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก – Collision Mitigation Braking System (CMBS) เมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าในระยะที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง หากรถยนต์ยังเข้าใกล้ระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะทำการเสริมแรงเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ระบบ CMBS ยังได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ให้สามารถตรวจจับคนเดินถนนได้อีกด้วย

Lane Keeping Assist System (LKAS)

3) ระบบแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ – Lane Keeping Assist System (LKAS) โดยกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และทำการหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถได้ตลอดเวลา

Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW)

4) ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ – Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) เมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมสั่นเตือนที่พวงมาลัย และในกรณีที่รถออกนอกช่องทางมากขึ้น ระบบจะทำการหน่วงพวงมาลัย เพื่อช่วยดึงให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็วอย่างเหมาะสม (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

Smartphone Connectivity

และยังมาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครันรอบด้าน อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย ด้วยการจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 7.7 นิ้ว  กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย สามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light – ACL) ช่วยเพิ่มความสว่างด้านข้างของตัวรถ ขณะทำการเลี้ยวรถในเวลากลางคืน เสียงเตือนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (Acoustic Vehicle Alerting System – AVAS) และระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ (Dual i-SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbag) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) เพื่อความปลอดภัยและช่วยลดอาการบาดเจ็บของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง

Cockpit - HYBRID TECHSunroof with One-touch

การออกแบบภายนอกยังคงความหรูหราสง่างามและเพิ่มความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) และไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED ที่ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า กระจังหน้าดีไซน์พิเศษตกแต่งด้วยเส้นสายสีฟ้า โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยสปอยเลอร์หลังและล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มอบความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส
แบบรองรับ Apple CarPlay พร้อมด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ให้การควบคุมระบบต่างๆ ทำได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และเพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังสีน้ำตาลใหม่

เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และพิเศษยิ่งขึ้น กับ Privilege Package
ซึ่งขยายเวลาการรับประกันคุณภาพ หรือ Ultimate Care เพิ่มอีก 2 ปี  หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร และฟรีค่าบำรุงรักษา (ค่าแรง/ค่าอะไหล่/เช็คระยะ) เป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สำหรับผู้ซื้อ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม ศกนี้

ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น HYBRID ราคา 1,659,000 บาท และ รุ่น HYBRID TECH ราคา 1,849,000 บาท โดยมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีขาวออร์คิด (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) มาพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ สีเบจ สีดำ และสีใหม่ คือ สีน้ำตาล

ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ของที่สุดแห่งยนตรกรรมไฮบริดจากฮอนด้าหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือ www.honda.co.th/accordhybrid และสำหรับท่านสื่อมวลชนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวหรือดาวน์โหลดข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ http://media.honda.co.th

หมายเหตุ:

– อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

– สีภายใน แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสีภายนอก

– สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่มเงิน 8,000 บาท และ สีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่มเงิน 12,000 บาท

New Honda Accord Hybrid pic 2New Honda Accord Hybrid pic 3New Honda Accord Hybrid pic 4New Honda Accord Hybrid pic 5

[ad name=”HTML-3″]

ใส่ความเห็น