วันเสาร์, ธันวาคม 7, 2024
ข่าว

เอ็มจีซี-เอเชีย มีรายได้กว่า 20,000 ล้านบาทในปี 2559 เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจในทุกมิติอย่างครบวงจร เพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่อย่าง ”มาเซราติ” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน อัลตร้าลัคชัวรี่ส์ เซ็กเมนต์

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่ม บริษัท มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทฯ ได้ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจน โดยแยกออกเป็น 8 กลุ่มธุรกิจหลัก เติมเต็มศักยภาพในการเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจสินค้าระดับลัคชัวรี่ส์เซ็กเมนต์ให้สมบูรณ์ ด้วยการเพิ่มแบรนด์สินค้าสู่กลุ่มธุรกิจรถใหม่นั่นคือ ยนตรกรรมอัลตร้าลัคชัวรี่ อิตาเลียน สปอร์ตคาร์จากตระกูล ”มาเซราติ”  ทั้งนี้เพื่อรองรับวิสัยทัศน์ปี 2020 ในการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในประเทศไทยและอาเซียนด้วยเป้ารายได้ของกลุ่มสู่ระดับ 50,000 ล้านบาท

“จากการที่เอ็มจีซี-เอเชีย ได้กำหนดเป้าหมายวิสัยทัศน์ปี 2020 หรือ Vision 2020 ในการที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในประเทศไทยและอาเซียนนั้น จะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทฯได้วางรากฐานของการเติบโตในธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ในทุกๆด้าน เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน สำหรับในปี 2559 ที่ผ่านมา แม้จะมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ แต่ตัวเลขรายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จที่ระดับ 20,000 ล้านบาท ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์รวมกว่า 8,500 คัน และสำหรับปี 2560 นี้ บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่มธุรกิจรถยนต์ใหม่ของบริษัทไว้ที่ 10,000 คัน ด้วยอัตราการเติบโตที่  15% ”

ดร.สัณหวุฒิ กล่าว

นอกจากการสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจในกลุ่มต่างๆแล้ว ในปีนี้บริษัทฯยังมุ่งมั่นในการรุกขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างจริงจัง โดยกลุ่มธุรกิจรถเช่าภายใต้แบรนด์ ”ซิกท์” (SIXT) และฟลีท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล ถือเป็นกลุ่มธุรกิจหลักในการขยายการลงทุนของเอ็มจีซี-เอเชีย สู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งล่าสุดในปีที่ผ่านมา บริษัทฯประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการขยายการลงทุนสู่ประเทศเวียดนามต่อไป

สำหรับการลงทุนในประเทศ ในปีนี้เอ็มจีซี-เอเชียพร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเมกกะโปรเจ็คอย่างเป็นทางการในนาม “เอ็มจีซี-เอเชีย ออโต้เพล็กซ์ ภูเก็ต” ที่ประกอบด้วย โชว์รูม โรลส์-รอยซ์, แอสตัน มาร์ติน, เรือยอร์ชอะซิมุท , บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ, รถยนต์มือสอง, ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังครบวงจร ในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ โดยโครงการดังกล่าวใช้งบลงทุนกว่า 400 ล้านบาท และยังคงมีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่องในปีนี้ด้วยเม็ดเงินกว่า  350 ล้านบาท สำหรับโครงการ “เอ็มจีซี-เอเชีย ออโต้เพล็กซ์ หาดใหญ่” ที่ประกอบด้วย โชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ , ฮอนด้า , เอ็มเอ็มเอส-บ๊อช คาร์ เซอร์วิส  ,ฟลีทรถเช่า, รถยนต์มือสอง , ศูนย์ซ่อมสีและตัวถังครบวงจร  คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยที่ทั้ง 2 โครงการนี้ ถือเป็นคอมเพล็กซ์ออโต้ซิตี้แห่งแรกในภาคใต้ฝั่งอันดามันและอ่าวไทย

กลุ่มธุรกิจรถยนต์ใหม่ ประเภทอัลตร้าลัคชัวรี่ส์ เซ็กเมนต์ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส แบงคอก ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากการเปิดตัวรถรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น 1 รุ่นคือ “โกสท์ คชมงคล” พร้อมเผยโฉมยนตรกรรมหรูสองประตูเปิดประทุน “ดอว์น” เป็นครั้งแรกในประเทศไทย   โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ทำให้โรลส์-รอยซ์ตอกย้ำการเป็นผู้กำหนดทิศทางตลาดรถยนต์ในอัลตร้า ลัคชัวรี่ส์ เซ็กเมนต์ อย่างแท้จริง ในส่วนรถยนต์ระดับไฮ ลัคชัวรี่ส์ สปอร์ต อย่าง แอสตัน มาร์ตินนั้นก็ได้รับการตอบรับอย่างดีด้วยเช่นกันในปีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ อาทิ รุ่นแวนควิช เอส และรุ่นดีบี 11 ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้และเริ่มส่งมอบแล้ว รวมถึงธุรกิจใหม่ล่าสุดอย่าง มาเซราติ ก็เตรียมเปิดตัวรถ เอส ยู วี รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง รุ่นลาวันเต้ Lavante ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ โดยธุรกิจทั้ง 3 แบรนด์จะจัดกิจกรรมและสนับสนุนธุรกิจอย่างอะซิมุทยอร์ช (Azimut) ภายใต้ บริษัท เอ็มจีซี-มารีน เอเชีย จำกัด อย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้กลุ่มบริษัทได้เพิ่มคุณภาพและช่องทางการบริการด้วยการแนะนำ แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย  การรับรู้ข่าวสาร รวมถึงรับบริการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อนำรถเข้าซ่อมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ประเภทพรีเมี่ยม เซ็กเมนต์  ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ในนามบริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ทั้ง 7 สาขา (กรุงเทพ 4 แห่ง , ต่างจังหวัด 3 แห่ง) และ 1 สตูดิโอ ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการให้บริการหลังการขายควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเพิ่มช่องทางในการนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้าซ่อมผ่านทางแอพพลิเคชั่นมือถือเพื่อตอบสนองและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิทุกราย อันเป็นผลทำให้ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตขึ้น 10%

ประเภท แจแปนนีส เซ็กเมนต์ ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า ในนามบริษัทพัฒนาการ ฮอนด้า ออโตโมบิล และซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด ก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี จากการทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่องของ แบรนด์ฮอนด้าอันแข็งแกร่ง ส่งผลให้ยอดขายของกลุ่มมีมากกว่า 3,100  คันในปีนี้

ขณะที่นิสสันเยาวราช ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสัน ในนามบริษัทโยโกฮามา มอเตอร์ จำกัด ซึ่งครบรอบการเปิดดำเนินการได้ 2 ปีนั้น มีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ พร้อมตั้งเป้าจำหน่ายเพิ่มขึ้น 10-15%ในปีนี้

กลุ่มธุรกิจรถยนต์มือสอง ภายใต้แบรนด์มาสเตอร์ เซอร์ทิฟายด์ ยูสคาร์, บีเอ็มดับเบิลยู พรีเมี่ยม เซเลคชั่น, มินิเน็กซ์ และฮอนด้าเซอร์ทิฟายด์ ยูสคาร์  สามารถทำยอดจำหน่ายทะลุเป้าที่กำหนดไว้ โดยมีการส่งมอบรถพร้อมรับประกันไปแล้วกว่า 2,000 คันในปี 2559 ทั้งในกลุ่มอัลตร้าลัคชัวรี่ส์, พรีเมี่ยม และแจแปนนีส เซ็กเมนต์ โดยตั้งเป้าจำหน่ายเพิ่มขึ้น 10%ในปี 2560

กลุ่มธุรกิจรถเช่า ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยฟลีทรถกว่า 5,000 คัน ทั้งในส่วนธุรกิจรถเช่าระยะยาว (ฟลีท) โดยมีรายได้เติบโตขึ้น 10% โดยมีหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชนให้การยอมรับในมาตรฐานการให้บริการ ในส่วนธุรกิจรถเช่าระยะสั้น ภายใต้ซิกท์ ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตกว่า 20 % ซึ่งเป็นผลมาจากการยอมรับของกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่ให้การยอมรับในการให้บริการมากยิ่งขึ้น รวมถึงธุรกิจบริการพนักงานขับรถ ที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในนามบริษัท มาสเตอร์ ไดร์ฟเวอร์ เซอร์วิสเซส ประเทศไทย จำกัด (MDS)

กลุ่มธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ต ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส  (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรสำหรับรถที่หมดระยะเวลารับประกัน เอ็มเอ็มเอส-บ๊อช คาร์ เซอร์วิส ทำรายได้กว่า 500 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจบริการหลังการขายได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้า รวมถึงบริษัทและองค์กรชั้นนำเปิดคอร์ปอเรทเครดิต พร้อมมาใช้บริการกว่า 54,000 คันในปีที่ผ่านมา โดยมีฐานลูกค้ากว่า 150,000 ราย

ส่วนประเภทธุรกิจค้าส่งและเครื่องมือศูนย์บริการได้มีการขยายเครือข่ายค้าส่งสู่ภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้แบรนด์บ๊อช และอะไหล่อาฟเตอร์มาร์เก็ตชั้นนำที่ทางบริษัทเป็นตัวแทนนำเข้า โดยมีร้านค้าอะไหล่ขายส่งและศูนย์บริการซ่อมรถทั่วไปเป็นลูกค้ากว่า 1,000 ราย จากการดำเนินธุรกิจมาครบ 7 ปี ประมาณการว่าภายในสิ้นปี 2563 นี้จะสามารถเปิดสาขาได้ทั้งสิ้น ครบ 30 แห่ง ครอบคลุมทั้งในเขตกรุงเทพและต่างจังหวัด รวมถึงขยายเครือข่ายและศูนย์กระจายอะไหล่ครอบคลุมทั่วประเทศในเร็ววันนี้ โดยตั้งเป้าผลประกอบการปีนี้ไว้ที่ระดับ 600 ล้านบาท พร้อมศึกษาลู่ทางการขยายตลาดสู่ประเทศต่างๆในอาเซียน

กลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษาและการบริการด้านประกันภัยครบวงจร ภายใต้ บริษัท แม็กซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (MAXI) ผลประกอบการเบี้ยประกันภัยรับกว่า 1,100 ล้านบาท เติบโตกว่า 20% จากปีที่ผ่านมา โดยมีการขยายการรับประกันภัยประเภทต่างๆ นอกเหนือจากการรับประกันภัยรถยนต์ อาทิเช่น การประกันภัยทรัพย์สิน, การขยายการรับประกันรถยนต์ (Extended Warranty), ประกันภัยความรับผิด ทางกฎหมาย, การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ (Employee Benefit) เป็นต้น พร้อมทั้งศึกษาลู่ทางการรับประกันภัยประเภทต่างๆเพิ่มขึ้นในปี 2560 โดยตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับปีนี้ที่ระดับ 1,300 ล้านบาท พร้อมเตรียมขยายสาขาสู่จังหวัดภูเก็ต อีกทั้งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายประกันภัยผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์คออนไลน์ทุกแพลทฟอร์ม และอีกหลายช่องทางภายใต้ชื่อ www.maxi-broker.com

กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ ในนามบริษัท ไอทเวนตี้โฟร์ (i24) ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจ  ในเครือบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยแบ่งธุรกิจให้คำปรึกษาและการบริการเป็น 3 ประเภท คือ การวางอินฟราสตรัคเจอร์, การให้คำปรึกษาและบริการซอฟแวร์แอพพลิเคชั่น อาทิเช่น ไมโครซอฟ CRM และการให้บริการระบบคอลเซ็นเตอร์

โดยในปี 2560 ทาง i24 มุ่งเน้นแผนงานด้านดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งเต็มรูปแบบทุกแพลทฟอร์ม เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการทุกกลุ่มธุรกิจในเครือเอ็มจีซี-เอเชีย พร้อมทั้งเปิดให้บริการบริษัทฯชั้นนำจากอุตสาหกรรมอื่นๆ และกำลังก้าวสู่การเป็นเซอร์วิสโพรไวเดอร์เต็มรูปแบบที่ได้รับการรับรองจากบริษัทซอฟแวร์ชั้นนำของโลก

กลุ่มธุรกิจศูนย์ฝึกอบรม ในนาม มาสเตอร์ ออโตโมทีฟ เทรนนิ่งเซ็นเตอร์ (MAT) นอกจากได้มีการอบรมพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรทางธุรกิจ จัดหลักสูตรฝึกอบรมประเภทต่างๆให้กับบุคลากรและบริษัทชั้นนำภายนอก โดยล่าสุดได้มีการร่วมมือทางวิชาการและเปิดหลักสูตรมินิเอ็มบีเอ (Mini MBA) รุ่นที่ 2 กับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ นอกเหนือจากกนั้นทาง MAT ยังได้รับใบอนุญาตเปิดโรงเรียน

”มาสเตอร์ ออโตโมทีฟ ธุรกิจยานยนต์” ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นทางการในปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับงานด้านการพัฒนาบุคลากรแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น

ในปี 2560 นี้ การขยายธุรกิจไปยังอาเซียนจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจรถเช่า ภายใต้บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล และ ซิกท์ ประเทศไทย ที่ได้ทำการขยายสาขาไปยังประเทศมาเลเซียและแผนขยายสาขาสู่ประเทศเวียดนาม ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจอาฟเตอร์ มาร์เก็ต ภายใต้ เอ็มเอ็มเอส ก็จะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนทั้งในส่วนของศูนย์เซอร์วิส และศูนย์การกระจายสินค้าไปยังภูมิภาค

โดยสรุปแล้ว ทางบริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มเอ็มจีซี-เอเชียในปี 2017 นี้ คาดว่าธุรกิจของกลุ่มบริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% จากปี 2016 อาทิเช่น กลุ่มรถยนต์ใหม่ ตั้งเป้าจำหน่ายกว่า 10,000 คัน, ธุรกิจศูนย์บริการหลังการขาย ตั้งเป้าการบริการไว้กว่า 225,000 คัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนด้านต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นในแต่ละกลุ่มและประเภทธุรกิจ

Anuwat
the authorAnuwat
Producer รายการ DRIVE และผู้สื่อข่าวสายรถจักรยานยนต์ เว็บไซต์ driveautoblog.com

ใส่ความเห็น