DriveAutoBlog
วันจันทร์, ตุลาคม 7, 2024
CSR

“โตโยต้า” ผุดโครงการ “ปลอดภัยทุกการขับ ประหยัดทุกเส้นทาง” ติวเข้มวินัยจราจรคนไทย เน้นปรับพฤติกรรมการขับขี่ ควบคู่น้ำใจบนท้องถนนและประหยัดพลังงาน ภายใต้โครงการแคมเปญ “โตโยต้า ถนนสีขาว”

โตโยต้า ร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก จัดกิจกรรมฝึกอบรม “ปลอดภัยทุกการขับ ประหยัดทุกเส้นทาง” หรือ “Safe-Eco Driving” ซึ่งเป็นหนึ่งกิจกรรมภายใต้โครงการ “โตโยต้า ถนนสีขาว” เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับที่ไม่ปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน อีกทั้งยังส่งเสริมพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างประหยัดและรู้คุณค่า

image1 (2)

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมด้วย นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และ นายโชคชัย คุณวาสี ประธานชมรมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ลงนามบันทึกความร่วมมือ โครงการอบรม “ปลอดภัยทุกการขับ ประหยัดทุกเส้นทาง” เพื่อเป็นการส่งมอบความสุข สร้างรอยยิ้มให้แก่คนไทย โดยจัดพิธีฯ ในวันพฤหสับดีที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ขับทดสอบรถ “Toyota Driving Experience Park” ถนนบางนา – ตราด กิโลเมตรที่ 3 กรุงเทพมหานคร

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดตั้งโครงการ โตโยต้า ถนนสีขาว ขึ้นในปี พ.ศ. 2531 จวบจนปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 27 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อปลูกจิตสำนึกความมีน้ำใจและวินัย โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ เด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป นอกจากนั้นยังสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ที่ได้กำหนดให้ระหว่างปี พ.ศ. 2554–2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน

image2 (1)

โครงการอบรม “ปลอดภัยทุกการขับ ประหยัดทุกเส้นทาง” (Safe-Eco Driving) เป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ภายใต้โครงการ โตโยต้า ถนนสีขาว ผ่านความร่วมมือระหว่างบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ชมรมผู้แทนจำหน่าย และกรมการขนส่งทางบก มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับที่ไม่ปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน อีกทั้งยังส่งเสริมพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างประหยัดและรู้คุณค่า ผ่านความร่วมมือของขนส่งจังหวัดและผู้แทนจำหน่าย ในทุกๆจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนคนไทยในระยะยาว ตลอดจนเป็นต้นแบบให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่นและผู้นำชุมชน

บริษัทฯได้พัฒนาหลักสูตร “ปลอดภัยทุกการขับ ประหยัดทุกเส้นทาง” (Safe-Eco Driving) มาจาก “ศูนย์การศึกษาความปลอดภัยโมบิลิตะ” หรือ “Mobilitas” ภายใต้การดูแลของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับหลักสูตรความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎและวินัยจราจร จากกรมขนส่งทางบกโดยสำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นหลักสูตรขั้นสูงต่อจากโครงการพัฒนาครูฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย (Safe Driving) โดยประกอบด้วย 2 ด้านคือ

1. หลักการและเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยภายใต้ 3S (Safety, Smooth, Speedy)
2. 10 เทคนิควิธีการขับขี่อย่างประหยัดพลังงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

โดยครูฝึกที่เข้าร่วมโครงการจะต้องผ่านหลักเกณฑ์การอบรมจากโครงการพัฒนาครูฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย (Safe Driving) ซึ่งจะต้องมีจำนวนชั่วโมงเรียนไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมง (หรือ 5 วัน) จึงจะสามารถเข้ารับอบรมในหลักสูตรขั้นสูงนี้ได้ โดยจะได้รับการอบรมเพิ่มเติมอีก 12 ชั่วโมง (หรือ 2 วัน) และระหว่างเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2558 ที่ผ่านมา มีครูฝึกที่ผ่านการอบรมขั้นสูงแล้วทั้งสิ้น 419 คน ทั้งจากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าและขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ โดยครูฝึกจะนำองค์ความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดสู่ประชาชนที่สนใจในแต่ละจังหวัด และมีเป้าหมายว่าจะมีจำนวนประชาชนที่เข้ารับการอบรมรวมทั้งสิ้นกว่า 30,000 คน ภายในปี 2559 รวมทั้งคาดว่าจะช่วยลดจำนวนการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากพฤติกรรมการขับขี่อย่างประหยัดพลังงานจำนวน 3,600 ตัน/ปีอีกด้วย (อ้างอิงจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย)

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า “โครงการ “ปลอดภัยทุกการขับ ประหยัดทุกเส้นทาง” ถือเป็นการเพิ่มมิติองค์ความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ของขนส่งจังหวัดและครูฝึกจากผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ทั้งในด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกท่านที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ จะได้นำองค์ความรู้ไปถ่ายทอดแก่ประชาชนในแต่ละจังหวัดต่อไป และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืน”

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “โตโยต้ามุ่งมั่นที่จะสร้างรอยยิ้มและความสุขให้แก่คนไทยอย่างยั่งยืนทั้งในด้านการศึกษา พัฒนาชุมชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อรณรงค์การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ รวมถึงปลูกจิตสำนึกความมีวินัยและน้ำใจบนท้องถนน โดยกิจกรรม “ปลอดภัยทุกการขับ ประหยัดทุกเส้นทาง” นี้ ถือเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดจากพฤติกรรมการขับขี่อย่างมีวินัยและน้ำใจ รวมทั้งการประหยัดพลังงาน จากการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนคนไทยทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน”

ใส่ความเห็น